การดำเนินงานเกี่ยวกับ Search Advertising
ความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพด้วยการทำงาน Google AdWords Management
-
Access to Google, Baidu and Search Partners
-
Keyword Funneling
-
Programmatic Bidding
-
Dynamic Search Campaigns
-
Search Remarketing
Advertising Partners












สิ่งที่เราทำ
Search Advertising
Search Advertising หรือการโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหานั้น มักเรียกกันโดยทั่วไปว่า Google AdWords หรือ Pay Per Click Advertising (PPC) ซึ่งในภายหลังได้กลายเป็นกลยุทธ์การเสนอราคาหรือ bidding strategy แทนที่การเป็นฟอร์มการโฆษณา การโฆษณาแบบ Search Advertising นั้น เหมาะสำหรับการกำหนดเป้าหมายลูกค้าในเวลาที่พวกเขาต้องการหาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณด้วย Google AdWords คุณจะเสียค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อมีผู้คลิกผ่านเว็บไซด์ หรือคลิกในส่วนที่มีโฆษณา เบอร์โทรศัพท์ หรือ sitelink
มีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดประสิทธิภาพของ Search Campaign ซึ่งทีมผู้บริหาร AdWords Management จะเป็นผู้ตรวจสอบและพิจารณาว่าแคมเปญของคุณ จำเป็นหรือไม่ที่จะเริ่มต้นแคมเปญใหม่ เนื่องจากบางครั้งข้อมูลในการดำเนินงานที่ผ่านมาอาจมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของงาน และอาจจะเป็นประโยชน์มากกว่าในการพิจารณาเริ่มต้นใหม่ ถ้าแคมเปญที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์
Keywords
การใช้คำหลักที่ถูกต้องนั้นจะทำให้ง่ายต่อการค้นหา แต่อย่างไรก็ตามเรายังพิจารณาว่า Keywords แต่ละคำควรอยู่ภายใต้ ‘Match Type’ใด โดยได้แบ่งความแตกต่างของ Match Type ออกเป็น 4 ประเภทดัง
Broad Match
จะไม่มีสัญลักษณ์พิเศษ การใส่คำปกติ จะนับว่าเป็นคีย์เวิร์ด Board Match ทั้งหมด นับว่าเป็นรูปแบบคีย์เวิร์ดที่กว้างมากที่สุด เพราะเมื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความหมายใกล้เคียงกัน หรือมีคีย์เวิร์ดอยู่ในวลีหรือประโยค ก็จะแสดงโฆษณาที่เราลงไว้ได้ ซึ่งข้อดีของใช้คีย์เวิร์ดแบบ Board Match คือช่วยทำให้โฆษณาของเราแสดงมากขึ้น
Broad Match Modifier
เป็นประเภทการทำงานที่จะช่วยให้คำหลักของคุณเข้าถึงกลุ่มผู้ชมแบบกว้างที่สุด เมื่อคำหลักของคุณเป็นแบบกว้างโฆษณาของคุณจะมีสิทธิ์ปรากฏเมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ค้นหา ในวลีที่สำคัญของคุณตามลำดับ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้มีการสะกดผิดและคำพ้องที่มีความหมายเกี่ยวกับโฆษณาของคุณก็ยังคงปรากฏให้เห็น ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้การทำงานแบบกว้างกับคำหลัก “floor” โฆษณาของคุณอาจปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้ค้นหา “flooring”


Phrase Match
คือ Keyword ที่ ทำงานแบบวลี โดยโฆษณาจะขึ้นสำหรับการค้นหาที่ตรง หรือมี Keyword ที่เลือกลงโฆษณาอยู่ในการค้นหา โดยไม่มีคำใดมาแทรกระหว่าง Keyword ที่ลงโฆษณา
Exact Match
คือ Keyword ที่ทำงานแบบตรงทั้งหมด โดยโฆษณาจะขึ้นสำหรับการค้นหาที่ตรงกับ Keyword ที่เลือกลงโฆษณาเท่านั้น คำเหล่านี้จะแสดงโฆษณาของคุณ หรืออีกกรณีหนึ่งคือหากมีผู้ค้นหาคำที่ตรงหรือรูปแบบใกล้เคียงเท่านั้นซึ่งจะไม่เปลี่ยนความหมาย เช่น “hotel asoke”, “asoke hotel”
Negative Match
คือ Keyword ที่ถูกระบุนำหน้าไว้ด้วยเครื่องหมายลบ หรือ Negative การระบุแบบนี้มักนิยมใช้ร่วมกับการระบุ Keyword แบบ Broad Match และ Phrase Match เพื่อเป็นการระบุกลุ่มผู้ค้นหาที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากคุณกำลังร่วมงานกับ Google AdWords Management ในแต่ละวันพวกเขาจะตรวจสอบข้อความค้นหาของคุณและเพิ่มคำที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดลงในรายการ Negative List ข้อกำหนดในรายการ Negative List จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าโฆษณาจะไม่แสดงเมื่อรวมอยู่ใน search query
Location
พื้นที่ไหนที่คุณต้องการกำหนดเป้าหมาย? เราสามารถเลือกกลุ่มลูกค้าที่จะเห็นโฆษณาของคุณเมื่อพวกเขาดำเนินการค้นหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกพื้นที่ให้บริการของคุณ ตัวอย่างเช่น หากมีใครกำลังโฆษณา Gym based in Silom เราอาจเลือกที่จะกำหนดเป้าหมายด้วยคำกว้างๆ ที่กำลังมองหา “Fitness” หรือ “Gym” ให้กับผู้ที่อยู่ในรัศมี 10 กม. แต่ไม่เพียงแค่นั้น เรายังเพิ่มประสิทธิภาพของการค้นหาด้วยการกำหนดเป้าหมายให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครสำหรับผู้ที่กำลังมองหา Fitness หรือ Gym ในสีลม
Extensions and Formats
คือส่วนขยายของรูปแบบการโฆษณา ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบที่เราสามารถทำให้โฆษณาของคุณดูโดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น Google ยังมีความชื่นชอบเมื่อเห็นผู้ลงโฆษณาใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท ซึ่งสิ่งนี้แหละจะเป็นเครื่องมือในการทำให้อันดับในการโฆษณาโดยรวมของคุณดีขั้น
Bidding Strategy
หรือ กลยุทธ์การเสนอราคา เป็นที่รู้จักมากที่สุดใน Google AdWords คือ CPC (Cost Per Click) อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลากหลายวิธีที่เราสามารถเลือกเสนอราคา ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ ตัวอย่างเช่นเราอาจใช้กลยุทธ์ CPA หากเป้าหมายของเราคือเพื่อให้เกิด Conversion สูงสุด โดยการใช้ cost per conversion