อะไรคือ SEO Content จะรู้ได้ยังไงว่าเนื้อหาของคุณ SEO friendly
บ่อยครั้งเมื่อผู้คนนึกถึงคอนเท้นพวกเขาจะนึกถึง SEO ทันที ในขณะที่มันมีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังคงมีการทำงานร่วมกันอย่างไม่น่าเชื่อ หลายปีที่ผ่านมานักการตลาดหลายคนโต้แย้งว่าเนื้อหาไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพสูงเพื่อวัตถุประสงค์ด้าน SEO แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่สิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปี 2020
ในฐานะบริษัทรับทำ SEO เราตระหนักถึงคุณค่าของเนื้อหาที่มีคุณภาพ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจะมีบทความคุณภาพดีมาก แต่ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสมหรือมีลิงก์ย้อนกลับ ในทำนองเดียวกัน คุณเองก็คงจะไม่ใช้เวลาอย่างมากในการปรับเว็บไซต์ แล้วใส่เนื้อหาที่อ่านไม่ได้เข้าไป การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพควรเป็นส่วนสำคัญของ SEO และคุณไม่ควรตกอยู่ในกับดักที่เชื่อว่าเนื้อหาควรเขียนสำหรับแค่ให้คนอ่าน หรือให้เครื่องมือค้นหาอ่านเท่านั้น แต่มันควรถูกเขียนขึ้นเพื่อทั้งสองฝ่าย
คุณควรสร้างเนื้อหาแบบไหน?
เนื้อหาของคุณควรมีความเกี่ยวข้อง ไม่ซ้ำใคร อ้างถึงผู้เชี่ยวชาญ หรือเป็นแบบที่ “กระตุ้นความคิด” เนื้อหามีหลายรูปแบบ ซึ่งอาจจะเหมาะกับจุดประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเนื้อหามีความสำคัญเท่าเทียมกันเมื่อพูดถึงบทบาทใน SEO เรามาดูเนื้อหาประเภทต่าง ๆ กันด้านล่างนี้ :
Blogs – บล็อก
บล็อกมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สมัยก่อนบล็อกเกอร์จะใช้ในการพูดคุยหัวข้อไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แต่ในยุคปัจจุบันบล็อกถูกใช้โดยเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจ SaaS, รวมไปถึง บริษัทอื่น ๆ ที่ให้บริการที่หลากหลาย
ในขณะที่บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวและบล็อกเกอร์สายการตลาด ได้รับค่าตอบแทนจำนวนมากในการเขียนบทความและคำแนะนำเชิงลึกที่ไม่เหมือนใคร พวกเขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลที่ได้รับการยอมรับ และในปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจก็หันมาใช้งานพวกเขาเยอะขึ้น
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับบล็อก
- ต้องเป็นบทความต้นฉบับ
- มุ่งเสนอมุมมองที่แตกต่างเพื่อให้โดดเด่นกว่าใคร
- หากเป็นไปได้ให้ใช้ข้อมูลที่ไม่ซ้ำใครและทำการวิจัยของคุณเอง
- มันไม่เกี่ยวกับจำนวนคำที่คุณใช้ มันเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้อ่าน
- ความสม่ำเสมอในการเขียนเป็นสิ่งสำคัญ
เต็มใจที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ และ Influencer คนอื่น ๆ
จะหาหัวข้อที่จะเขียนยังไงดี?
มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ไอเดียเกี่ยวกับสิ่งที่จะเขียนในบล็อกของคุณ นี่คือรายการสั้น ๆ ของเทคนิคบางอย่างที่เราใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา!
Ahrefs
ใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs เพื่อหาคำถามยอดนิยม (สิ่งเหล่านี้สามารถใช้เป็นหัวข้อได้)
ใช้ Reddit เพื่อค้นหาหัวข้อที่กำลังมาแรงและคำถามไหนที่สร้างการตอบรับได้มากที่สุด
Best by links
การใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs คุณสามารถดูได้ว่าหน้าเว็บและบทความไหนดึงดูดลิงก์ (โดเมนอ้างอิง) และสร้างปริมาณการเข้าชมได้เท่าไหร่
Google Suggest
คำแนะนำการค้นหาของ Google จะแสดงคำค้นหาใกล้เคียงอื่น ๆ ที่นิยมมากที่สุดของข้อความค้นหาที่ป้อนเข้าไป ซึ่งสามารถช่วยระบุคำถามทั่วไปที่ถูกถามและคำหลักเพิ่มเติมได้
Google Ads
หากคุณกำลังทำแคมเปญโฆษณาของ Google มีความเป็นไปได้ที่คุณจะใช้การกำหนดเป้าหมายคำหลักแบบ Broad or Broad Modified keyword targeting สิ่งนี้ช่วยให้แคมเปญของคุณมีโอกาสแสดงคำหลักที่ยาวขึ้น หากคุณดาวน์โหลด Search term report มาดูทุกสัปดาห์ คุณจะเห็นรูปแบบของการใช้คำค้นหาที่ยาวขึ้นของสิ่งที่ผู้คนค้นหาและปริมาณการคลิ้กด้วย
หน้าแสดงรายการผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ
หากคุณเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจออนไลน์ หน้าผลิตภัณฑ์ของคุณต้องมีคุณภาพสูงสุด เนื้อหาและการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้าเหล่านี้ควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เนื่องจากมักจะใช้เป็นหน้า Landing Page สำหรับ PPC, Google AdWords Remarketing รวมถึงแคมเปญโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับรายการผลิตภัณฑ์ของคุณ
- จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ชัดเจนและรัดกุมบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แสดงราคาและ CTA ที่หาได้ง่าย
- ใช้ภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ที่ดูเป็นมืออาชีพ และเขียนคำอธิบายสินค้าให้น่าสนใจเสมอ
- เว็บไซต์ของคุณต้องโหลดเร็วและ UX ที่ดีเยี่ยม
รีวิว
หากคุณต้องการเป็นอินฟูเรนเซอร์มืออาชีพ คุณต้องเขียนบทวิจารณ์เก่ง แม้ว่าการเขียนรีวิวไม่ใช้สิ่งใหม่ แต่ตอนนี้รีวิวมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นในยุคของอินเทอร์เน็ต หากคุณพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นอินฟูเรนเซอร์ที่น่าเชื่อถือคุณจะสามารถโน้มน้าวผู้อื่นโดยเปลี่ยนความคิดเห็นของพวกเขา แถมยังได้รับค่าจ้างจากสปอนเซอร์ในการเขียนบทวิจารณ์อีกด้วย
ประเด็นสำคัญเมื่อเขียนบทวิจารณ์
- มุ่งเน้นไปที่หัวข้อเดียว
- อย่าเขียนรีวิวแล้วให้ 5 ดาว เพียงเพราะสปอนเซอร์ให้ค่าตอบแทนสูง – มันจะทำลายชื่อเสียงของคุณในระยะยาว
- มีจุดยืนถึงสิ่งที่คุณมองว่าดีเยี่ยมหรือไม่ดี
การทำวิจัยและกรณีศึกษา
การทำวิจัยด้วยตัวคุณเองและแบ่งปันสิ่งที่คุณค้นพบให้กับคนอื่น ๆ ทั่วโลก สามารถให้ผลตอบแทนได้ทั้งทางวิชาการและทางการเงิน คุณสามารถทดลองใช้บททดสอบต่าง ๆ ความเชื่อที่เล่าต่อ ๆ กันมา หรือทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า ตัวเลือกนั้นมีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบเล่าเรื่อง การเขียนบทความเกี่ยวกับความสำเร็จหรือการร่วมทุนทางธุรกิจที่มีรายละเอียดชัดเจนว่าคุณทำอะไรและสิ่งที่คุณจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต สิ่งสำคัญคือสิ่งที่คุณเขียนจะต้องไม่ซ้ำใคร และนำสิ่งใหม่ ๆ และน่าตื่นเต้นมาสู่ผู้อ่านของคุณ
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำวิจัยและกรณีศึกษา
- ใช้เวลาในการวางแผนการวิจัยของคุณ ว่าจะทำอย่างไรและนำเสนอผลลัพธ์อย่างไร
- ข้อมูลต้องเป็นต้นฉบับและซื่อสัตย์
- สำหรับกรณีศึกษา ให้เน้นที่องค์ประกอบของมนุษย์ แทนที่จะเป็นเพียงการให้ข้อเท็จจริงแบบธรรมดา
- อย่าขี้เกรงใจ มันจะทำให้เรื่องนั้นน่าเบื่อ!
อินโฟกราฟิก
โดยทั่วไปแล้วอินโฟกราฟิกนั้นเข้าใจง่ายทำให้คนอยากแชร์ข้อมูล พวกมันสามารถทำหน้าที่แทนข้อความได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าหากคุณไม่ใส่ใจในการนำเสนอ ก็อาจทำให้เข้าใจยากและไม่น่าดึงดูด จุดเด่นของอินโฟกราฟิกคือการทำให้ข้อมูลที่เยอะหรือซับซ้อนนั้นเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับอินโฟกราฟิก
- ผู้คนชอบที่จะแชร์อินโฟกราฟิกที่มีคุณภาพ ดังนั้นคุณควรใช้เวลากับมันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องและการออกแบบเหมาะสมกับข้อมูล
- อย่าทำเยอะเกินไป! ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้นมิฉะนั้นอาจจะสูญเสียผลกระทบจากการตอบรับ
- คุณสามารถรวมเข้ากับเรื่องราวได้โดยเพิ่มแผนภูมิและรูปภาพอื่น ๆ
- การเขียนคำอิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่มีอยู่ในอินโฟกราฟิกเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากโปรแกรมรวบรวมข้อมูลไม่สามารถ “อ่าน” ข้อความใด ๆ ที่อยู่ในรูปภาพได้
เนื้อหาที่เป็นการแนะนำ บอกใบ้ และให้เคล็ดลับ
เรามักจะเห็นบล็อกที่เกี่ยวกับ “ How to …” หรือ“ Guide to …” อยู่เต็มไปหมด เหตุผลก็เพราะว่าผู้ใช้ต้องการอ่านสิ่งเหล่านี้และมันช่วยสร้างการเข้าชมได้ดีทีเดียว เนื้อหาประเภทนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใส่คีย์เวิร์ด แต่เนื่องจากมีคนทำเนื้อหาเหล่านี้อยู่มากมาย ดังนั้น คุณอาจต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำเสนออะไรใหม่ ๆ และไม่เหมือนใคร
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ให้คำแนะนำ
- หากคุณใช้วิดีโอ อย่าลืมว่าต้องเป็นวิดีโอต้นฉบับ
- หากคุณกำลังเขียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ผู้อื่นนำเสนอ ให้ติดต่อพวกเขาเพื่อสร้างBacklinks และขอให้พวกเขาแบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย
- เมื่อเขียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเอง อย่าลืมใส่ลิงก์ภายในไปยังหน้าที่เกี่ยวข้อง
Top lists
เช่นเดียวกับเนื้อหาเกี่ยวกับคำแนะนำ “ How to …” เนื้อหาเกี่ยวกับการจัดอับดับ “ Top X …” ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน อีกครั้งที่เนื้อหาประเภทนี้มีคนทำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงควรค่าแก่การสละเวลาในการเลือกหัวข้อที่น่าสนใจ เนื้อหาประเภทนี้มักจะถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มการเข้าชม
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวกับการจัดอันดับ “ Top X …”
- พาดหัวควรระบุให้ชัดเจนว่าโพสต์นั้นเกี่ยวกับอะไร
- พยายามเน้นข้อเท็จจริงที่ไม่ธรรมดาหรือน่าตื่นเต้น
- อย่าทำให้โครงสร้างซับซ้อน
- ใช้แหล่งข้อมูลที่พิสูจน์แล้วและได้รับการยอมรับเสมอ
- กระตุ้นให้ผู้อ่านแนะนำสิ่งที่คุณอาจพลาดไปจากรายการของคุณและขอความคิดเห็น
การสัมภาษณ์
ไม่มีวิธีไหนที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้ดีไปกว่าการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือกูรูที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมด้านนั้น การสัมภาษณ์ที่ไม่ซ้ำใครและแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่คนอื่นเห็นว่าน่าสนใจจะสร้างการเข้าชมได้อย่างรวดเร็ว ได้รับลิงก์ย้อนกลับที่เป็นธรรมชาติและการแชร์ต่อ นอกจากผู้อ่านของคุณเองแล้วหากผู้ให้สัมภาษณ์มีผู้ติดตามจำนวนมากและแชร์บทสัมภาษณ์ออกไปก็จะทำให้เกิดการเข้าชมมากขึ้น การสัมภาษณ์สามารถนำเสนอได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน อัดเสียงสัมภาษณ์ วิดีโอ หรือแม้แต่พอดคาสต์
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสัมภาษณ์
- พยายามสัมภาษณ์คนที่เป็นที่รู้จักและได้รับความเคารพจากคนกลุ่มมากเสมอ
- วางแผนรายละเอียดการสัมภาษณ์และคำถามเป็นนาที
- การวางแผนจะช่วยให้การสัมภาษณ์ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ
- เปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์พูดคุยกัน ผู้อ่านหรือผู้ฟังของคุณสนใจในความคิดเห็นของพวกเขามากกว่าของคุณ!
Videos
วิดีโอได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นคุณจะได้รับไลค์ โซเชียลแชร์ และลิงก์ย้อนกลับมากขึ้นตามไปด้วย HubSpot ได้เปิดเผยว่า วิดีโอสร้างโอกาสในการขายมากกว่าและสามารถเพิ่ม Conversion ได้มากถึง 80%
ประเด็นสำคัญในการสร้างวิดีโอ
- เขียนสคริปต์ที่ชัดเจน อ่านทวนหลาย ๆ รอบ และหมั่นฝึกฝน!
- ตั้งงบประมาณให้ตัวเอง อย่าใช้เกิน มีงบประมาณสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การตัดต่อและค่าจ้างให้ มืออาชีพ – มันจะคุ้มค่าแน่นอน
- มีบทบรรยายที่รวมคีย์เวิร์ดเข้าไป เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมรวบรวมข้อมูลตรวจได้
- จัดทำแผนการตลาดและงบประมาณซึ่งรวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือโปรโมชั่น
คุณไม่จำเป็นต้องสร้างวิดีโอของคุณเองเสมอไป แชร์วิดีโอที่มีอยู่แล้ว รวมถึงความคิดเห็นและคำแนะนำของกูรูในอุตสาหกรรม – พยายามใช้วิดีโอที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มความสมดุลและหลีกเลี่ยงการทำซ้ำ วิดีโอสามารถเพิ่มเนื้อหาและลดการคลิกออกของผู้ใช้
EBooks
แม้ว่า eBooks จะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเมื่อสองสามปีก่อน แต่ก็ยังคงเป็นวิธีการสร้างโอกาสในการขายที่ยอดเยี่ยม สำหรับทั้ง B2B และ B2C การดาวน์โหลดเอกสารมักจะต้องใช้ที่อยู่อีเมล และอีเมลนี้ยังสามารถใช้ในภายหลังเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด แน่นอนว่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน eBooks ต้องมีคุณภาพสูงและมักจะมาในรูปแบบ PDF ที่มีหลายหน้า จำไว้ว่าวัตถุประสงค์ของคุณคือการสร้างโอกาสในการขาย ดังนั้นคุณต้องให้เหตุผลแก่ผู้อ่านว่าทำไมพวกเขาต้องให้รายละเอียดการติดต่อกลับ!
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ eBooks
- เพียงเพราะว่ามันอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือ การเขียนต้องเหมาะสมเหมือนหนังสือทั่วไป ที่มีจุดเริ่มต้น ตอนกลาง และตอนท้าย ชื่อเรื่องที่ดึงดูดความสนใจและเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม
- ตรวจสอบคำผิด และการวางเลย์เอ้าที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ
- ระบุเหตุผลให้ผู้อ่านดาวน์โหลดหนังสือของคุณ – รวมข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและเสนอสิ่งที่คู่แข่งของคุณไม่มี
บล็อกควรยาวแค่ไหน?
ความยาวของบทความไม่มีความสำคัญเท่าที่เคยเป็นมา เมื่อมีการยัดคีย์เวิร์ดเข้าไปเยอะ ๆ บทความพวกนี้ก็จะดูเหมือน ๆ กันไปหมดและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข โชคดีที่อย่างน้อยจากมุมมองของผู้อ่าน การสร้างเนื้อหาแบบสักแต่ว่าจะเขียนมักจะไม่เกิดผล
แทนที่จะเน้นที่ความยาวของบทความ คุณควรจดจ่อกับโครงสร้างของเนื้อหาและใช้ <title>, <H1, H2 และ H3> ที่ถูกต้อง เมื่อคุณอัปโหลดไปยังเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมีแท็ก HTML ที่ถูกต้องด้วย!
หากคุณต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับจำนวนคำ เนื้อหาที่สามารถอ่านให้จบได้ภายใน 7 นาที ถือว่าเหมาะมากแม้ว่าการศึกษา SEO จำนวนมากจะโต้แย้งว่าบทความที่ยาวกว่านั้นมีการจัดอันดับที่สูงกว่า ที่ Phoenix Media เราเชื่อในคุณภาพมากกว่าปริมาณ แต่จะตั้งเป้าหมายไว้อย่างน้อย 1,000 คำเสมอ
คุณควรใส่อะไรในเนื้อหาของคุณ
เป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพโดยไม่ทำการศึกษาวิจัยมาก่อน คิดหัวข้อขึ้นมาแล้วลองคุยกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงาน จากนั้นจึงเริ่มวางแผนการเขียน ดูว่าหัวข้อนั้น เว็บไซต์ไหนจัดอันดับสูงสุดเพื่อเป็นไอเดีย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณเขียนนั้นไม่เหมือนใครและควรปรับให้เหมาะสม เมื่อคุณพอใจแล้วให้โพสต์บนเว็บไซต์ของคุณ และโปรโมตไปทุกที่ที่คุณสามารถทำได้!
เนื้อหาที่ซ้ำกัน
หากคุณเขียนเนื้อหาใหม่อยู่เสมอ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการทำซ้ำและบางคำอาจจะถูกซ้ำที่อื่น หากนี่คือสิ่งที่คุณกังวลคุณสามารถใช้วิธี 301 redirects หรือลิงก์ rel =“ canonical”
อัลกอริทึมของ Google มีความซับซ้อนและตอนนี้สามารถตรวจจับได้ว่าเนื้อหานั้นมีการลอกเลียนแบบหรือไม่ หรือมีคำเดียวกันปรากฏอยู่ในข้อความของคุณหรือไม่ อย่างไรก็ตามคุณจะถูกลงโทษในข้อหาลอกเลียนแบบหากตรวจเจอ ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงซะ! หากคุณไม่แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณซ้ำกับคนอื่นหรือเปล่าให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบเช่น Copyscape เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ
หากคุณกำลังมองหาคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างคอนเท้นเพื่อ SEO หรือมองหาบริษัทรับทำ SEO มาช่วยพัฒนาบทความที่เหมาะกับ SEO ของคุณ ติดต่อเราวันนี้ 02 038 5400